Sunday, August 17, 2008

เสียงดนตรีช่วยกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์



Smart Symphonies เสียงดนตรี สื่อดีๆ เพิ่มไอคิวจากผลการศึกษาถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์จากการตรวจอัลตราซาวนด์ของ Heinz Prechtl ที่ได้ติดตามและวิเคราะห์ภาพอัลตราซาวนด์สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 10 ปี พบว่า ทารกมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้ เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้แล้ว และสามารถเคลื่อนไหวตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้า
จากการวิจัยดังกล่าวยังพบอีกว่า อัตราการเต้นของหัวใจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย อีกทั้งลูกน้อยยังสามารถตอบสนองต่อเพลงที่ได้ยินจนคุ้นเคยและจะมีปฏิกิริยาต่อเพลงที่โปรดปรานด้วย รวมทั้งเพลงหรือดนตรีคลาสสิกที่คุณแม่เคยเปิดให้ฟังเสมอๆ ขณะอยู่ในครรภ์ หลังจากคลอดแล้ว หากเปิดเพลงนั้นอีกลูกน้อยจะแสดงให้รู้ว่า จำได้ และยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า เสียงดนตรีจะส่งผลดีต่อสมอง และพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกน้อยในครรภ์
ในปี พ.ศ.2524 Dr. Leon Thurman นักวิจัยชาวอเมริกันได้ทดลองเปิดเสียงดนตรีให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังเป็นประจำทุกวัน พบว่า เด็กที่คลอดออกมามีพัฒนาการทางด้านร่างกาย และ I.Q. ทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไปและเด็กยังเลี้ยงง่าย มีอารมณ์แจ่มใส รวมทั้งมีความผูกพันกับคุณแม่มากขึ้นด้วย
จากความสำคัญในการเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์ด้วยการฟังดนตรีนี้ Dr. Thomas R.Verny จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และประธานสมาคมการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในสหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้ว่า ในกลุ่มคุณแม่ที่ร้องเพลงกล่อมเด็กให้ลูกในครรภ์ฟังทุกวันอย่างสม่ำเสมอนั้น เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้ว และได้ยินเสียงเพลงนี้จากคุณแม่อีก ลูกน้อยมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบ และแสดงอาการสนใจเพลงนั้นเป็นอย่างมาก
ข้อควรระวัง หากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ชอบฟังดนตรีคลาสสิกและรู้สึกอึดอัด ไม่คุ้นเคย ก็ไม่ควรฝืนฟัง เพราะจะมีผลต่ออารมณ์ของคุณแม่ ในกรณีนี้คุณแม่สามารถหาเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกสบาย อารมณ์ดี ซึ่งจะเป็นการดีต่อลูกน้อยมากกว่าที่คุณแม่ฝืนฟังเพลงที่รู้สึกอึดอัด


เริ่มให้ลูกฟังดนตรีขณะอายุครรภ์กี่เดือน ดี


ความเหมาะสมในช่วงการตั้งท้องและเริ่มเปิดเพลงที่คุณแม่ชื่นชอบฟังแล้วสบายใจพร้อมกับลูกรับรู้ด้วยควรเริ่มในช่วงตั้งท้อง 5 เดือน เนื่องจากขณะนั้นทารกมีอวัยวะครบทุกส่วนร่างกายสมบูรณ์แล้ว รับรู้การได้ยิน สิ่งสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเพลงที่จะเสริมสร้างสมองให้ลูกต้องเป็นเพลงของโมซาร์ทเท่านั้น ความจริงแล้วคุณแม่สามารถฟังเพลงได้ทุกประเภทที่ชอบ อาจจะเป็นบทสวดมนต์ เพลงไทยเดิม หรือดนตรีที่มีโน้ตจากเครื่องดนตรีประเภทใดประเภทหนึ่ง เนื่องจากหากคุณแม่มีความสุขทารกที่อยู่ภายในครรภ์จะได้รับความสุขด้วย"ด้าน ดร.สุพรพร เทพยสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย บอกว่า การสังเกตว่าลูกมีการตอบสนองหรือไม่นั้นเวลาที่คุณพ่อหรือคุณแม่เปิดดนตรีให้ลูกฟัง หากเป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ สบายๆ ทั้งคุณแม่จะผ่อนคลาย หากเป็นเพลงที่มีจังหวะเร็ว เด็กจะดิ้นแรงมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยคลื่นเสียงช่วยปรับให้สมองมีการพัฒนาด้านดีด้วยดนตรีเมื่อรู้เช่นนี้แล้วช่วงรอเวลาที่จะได้พบกับลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเปิดเพลงไพเราะให้ลูกน้อยในครรภ์ได้ฟังเพื่อที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกจะได้มีความสุขไปพร้อมๆ
[ที่มา: เว็บไซต์สนุกดอทคอม]

No comments: